วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2559

การขาย

          ความสำคัญของการขาย
          การขายประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ หลายกิจกรรมรวมเป็นการจัดจำหน่ายอันได้แก่ กิจกรรมการนำส่งสินค้าจากผู้ผลิตไปสู่มือของผู้บริโภคหรือผู้ใช้สินค้า เนื่องจากการขายมีหลากหลายรูปแบบ จึงเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการตัดสินใจเลือกจะจำหน่ายสินค้าและบริการในรูปแบบใดก็ได้ให้เหมาะกับความต้องากรของผู้บริโภคและด้วยทางเลือกทางการขายที่มีมากขึ้นไปพร้อม ๆ กับความต้องการของผู้บริโภค จึงเป็นสาเหตุให้เจ้าของกิจการต้องศึกษาสื่อหรือเครื่องจักรที่ทำหน้าที่แทนพนักงานขายตลอดจนการวิเคราะห์จุดเด่นจุดด้อยของการขายในรูปแบบต่างๆ ให้เกิดประสิทธิภาพคุ้มค่าอย่างสูงสุด
          การขายเป็นกิจกรรมที่ผู้ผลิตจะต้องกระทำเมื่อมีการผลิตสินค้าขึ้นมา และต้องนำสินค้าที่ผลิตได้ไปทำให้เกิดรายได้ ก่อให้เกิดการขาย ยอดขาย และกำไร อันเป็นตัวเงินกลับเข้าสู่กิจการเพื่อจะได้นำไปลงทุนดำเนินการผลิตต่อไป การปฏิบัติงานการขายต้องอาศัยพนักงานที่เข้ามาช่วยให้การขายบรรลุผลสำเร็จหรือการปฏิบัติงานการขายอาจไม่ใช้พนักงานขายก็เป็นได้ เช่น การใช้สื่อต่าง ๆ ข้ามาช่วยก็สามารถจะทำให้การขายประสบผลสำเร็จได้เช่นกัน

         
ประเภทของงานการขาย
          งานการขายแบ่งออกได้ 4 ประเภท คือ
          1. การขายโดยใช้พนักงานขาย
          การขายโดยใช้พนักงานขาย หมายถึง งานขายที่ใช้พนักงานติดต่อกับลูกค้าโดยตรงและพนักงานขายจะเป็นผู้ทำหน้าที่โน้มน้าวชักจูง กระตุ้นให้ลูกค้าเกิดการตัดสินใจซื้อสินค้า ซึ่งอาจทำได้โดยไปพบลูกค้าด้วยตนเอง ใช้โทรศัพท์พูดคุยกับลูกค้าโดยตรงด้วยตนเองหรือใช้จดหมายติดต่อในลักษณะเฉพาะเรื่อง เฉพาะคนไป หากลูกค้าสนใจก็ไปเข้าพบด้วยตนเองภายหลัง เช่น พนักงานขายหน้าร้าน พนักงานขายประกันชีวิต พนักงานขายเครื่องสำอาง เป็นต้น
          2. การขายโดยไม่ใช้พนักงานขาย
          การขายโดยไม่ใช้พนักงานขาย คือ การปฏิบัติการขายในปัจจุบันที่หลีกเลี่ยงการใช้พนักงานขายโดยใช้สื่อหรือเครื่องจักรทำหน้าที่แทนพนักงานขาย เพราะสามารถทำให้เกิดการโน้มน้าวชักจูงและรับรู้ได้ในวงที่กว้างขวางครอบคลุมพื้นที่ที่ต้องการได้ อีกทั้งยังรวดเร็ว ประหยัดเงินและเวลาอีกด้วยซึ่งการขายโดยไม่ใช้พนักงานขายมีหลายแบบ เช่น
                   2.1 การขายโดยให้ลูกค้าบริการตนเอง การขายแบบนี้ร้านค้าจะจัดวางสินค้าบนชั้นในระดับสายตาเพื่อดึงดูดเมื่อลูกค้าเดินเข้ามาในร้าน โดยวางให้เป็นระเบียบเพื่อให้ลูกค้าได้หยิบดูหยิบเลือกได้ง่าย ลูกค้าก็จะไปหยิบสินค้ามาเองโดยไม่ต้องมีพนักงานขายคอยช่วยดูแลช่วยเหลือ เมื่อเปรียบเทียบและได้สินค้าตามที่ต้องการแล้วก็จะต้องนำสินค้าไปชำระเงินที่เคาน์เตอร์พนักงานเก็บเงิน ได้มีการนำระบบนี้ไปใช้ในร้านต่าง ๆ เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต เป็นต้น
                   2.2 การขายโดยใช้เครื่องจักรอัตโนมัติ ต้องอาศัยตู้หยอดเหรียญและกดปุ่ม เพื่อให้ได้สินค้าตามที่ต้องการ สินค้าที่จำหน่ายมักเป็นสินค้าที่ลูกค้าใช้บ่อยใช้ประจำ เช่น บุหรี่ เครื่องดื่ม
ขนมขบเคี้ยว ถุงยางอนามัย เป็นต้น ดังนั้น จึงควรให้ความสะดวกแก่ผู้ซื้อได้ตลอดเวลา ควรตั้งไว้ตามท่าอากาศยาน สถานีรถไฟ สถานีขนส่ง ร้านสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย โรงเรียน หอพักนักศึกษา โรงพยาบาล โดยทำงานบริการขายตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด และไม่จำเป็นต้องใช้พนักงานขาย ลูกค้าคนใดต้องการก็หยอดเหรียญตามราคาสินค้าแล้วกดปุ่มสินค้าก็จะออกมา สินค้าที่ขายส่วนใหญ่ก็จะเน้นสินค้าที่ใช้กันบ่อย ๆ ในชีวิตประจำวัน การขายโดยใช้เครื่องจักรอัตโนมัตินี้นิยมใช้กันมากในต่างประเทศที่ค่าจ้างแรงงานพนักงานขายสูงและไม่สะดวกในการเปิดร้านขายของในที่ชุมชน ดังนั้น จึงมีการนำเครื่องจักรอัตโนมัติมาใช้แทน
3. การขายทางไปรษณีย์
          ปัจจุบันร้านค้าปลีกหลายแห่งจะเปิดแผนกขายปลีกตามคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ ซึ่งเป็นแหล่งระบายสินค้าและเพิ่มปริมาณการขายได้ดีวิธีหนึ่ง การขายทางไปรษณีย์เป็นการเสนอขายบริการเป็นส่วนใหญ่ การขายสินค้าในลักษณะนี้มียอดขายที่สูงมาก เนื่องจากขอบเขตการขายไม่จำกัด การโฆษณาสามารถเน้นที่จุดเด่นจึงทำให้มีโอกาสที่จะขายสินค้าให้มากขึ้น และมีความสะดวกในการสั่งซื้อตามใบสั่งซื้อที่ส่งไปให้
          การขายทางไปรษณีย์จะประสบความสำเร็จได้เพียงใดนั้นย่อมขึ้นอยู่กับคุณภาพของระบบการรับ-ส่งไปรษณีย์ ซึ่งความสมบูรณ์และความสะดวกของการสั่งซื้อรวมทั้งการจัดส่งทางไปรษณีย์ย่อมอยู่ที่การจัดระเบียบเลขที่หรือการแบ่งเขตไปรษณีย์ต่าง ๆ ที่มีคุณลักษณะสะดวกง่ายแก่การ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น